รีวิว Ori And The Will Of The Wisps

Ori and the Blind Forest จัดเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมในปี 2015 และ 5 ปีต่อมา ทาง Moon Studios ก็ยังคงสามารถสานต่อความสำเร็จนั้นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมกับ Ori and the Will of the Wisps เกมภาคต่อเรื่องราวสุดอัศจรรย์ ซึ่งยังคงไว้ทั้งอารมณ์ ความรู้สึก และงานศิลป์ที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าความน่าตื่นเต้น และการออกสำรวจในบางครั้งของตัวเกมจะดูดรอปลงก็ตาม เรื่องราวใน Will of the Wisps จะเชื่อมต่อกับ Blind Forest พอดี โดยจะมาพร้อมกับตัวละครตัวใหม่อย่าง Ku ซึ่งทั้ง Ku และ Ori กลายเป็นครอบครัวที่ยอดเยี่ยม เต็มไปด้วยความอบอุ่น และเมื่อ Ku อยากจะบินให้เป็น Ori ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเธอ ทั้ง 2 โดนพายุซัดออกไปจนพบกับป่าที่แห้งแร้ง การผจญภัยครั้งใหม่จึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง

ภูมิประเทศใน Will of the Wisps เป็นที่แห่งใหม่ แต่เราจะรู้สึกคุ้นเคย หากเคยผ่านตัวเกมภาคแรกมาก่อนบ้างแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นาน ตัวเกมจะเปิดสถานที่ต่างๆ ที่หลากหลายมากขึ้น อย่างไรก็ตามตัวเกมยังคงรักษาคงามสวยงามไว้อย่างครบถ้วน แม้ว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบจะดูเหี่ยวเฉาก็ตาม และด้วยขนาดใหญ่ของธรรมชาติ บางครั้งมันก็กลืนตัว Ori ไปกับตัวฉากเลยก็ว่าได้ น่าเสียดายที่ตัวเกมหยิบเอาความสามารถดั้งเดิมของ Ori ในภาคแรกมาทั้งหมด มันจึงทำให้การปลดล็อคความสามารถใหม่ๆ ขาดความน่าตื่นเต้น แต่ความสนุกในการสำรวจเมื่อ Ori มีความสามารถมากขึ้น จึงยังคงมีอยู่อย่างครบถ้วน

ตัวเกมมีแมปและการสำรวจที่ซับซ้อน แต่ตัวเกมในภาคนี้เน้นการย้อนกลับเพื่อการสำรวจที่น้อยลงกว่าภาคแรก และเน้นไปที่ทางลัดที่มีอยู่เต็มไปหมดมากกว่า ตัวเกมมีเควสย่อยให้เราได้เก็บ ซึ่งไม่บังคับให้เราต้องทำตามเกม แต่เราสามารถเลือกสิ่งที่เราอยากทำได้ จนในที่สุดเราจะเปิดพื้นที่ชุมชนกลางป่า ซึ่งเน้นให้เราปลดล็อคสิ่งต่างๆ และอยู่กับตัวเกมได้นานขึ้น สำหรับจากการลดลงการสำรวจลง ตัวเกมได้เน้นไปขยายส่วนของการต่อสู้มากขึ้น ซึ่งเราสามารถแมปอาวุธที่ซื้อมากับปุ่มต่างๆ ได้อย่างอิสระ แต่ด้วยความเร็วของ Ori มันจำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควรทีเดียว ในการที่เราจะชิน และชำนาญกับการควบคุมต่างๆ แต่เมื่อชำนาญแล้ว อะไรๆ ก็จะง่ายขึ้นมาก

บอสใน Will of the Wisps ค่อนข้างที่จะมีความซับซ้อนกว่า Blind Forest เป็นอย่างมาก บอสในตัวเกมภาคนี้แทบไม่มีอะไรบอกเราเลยว่าเขาจะทำอะไร แต่ตัวเกมในภาคนี้ตัวบอสมีส่วนด้านหน้า และด้านหลังที่สามารถโจมตีได้มากขึ้น แต่ก็ยังอธิบายได้ยากอยู่ดีว่าส่วนไหนที่โจมตีได้ หรือไม่ได้ ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดความรู้สึกว่าการเอาชนะบอสเป็นการสำเร็จที่แท้จริง และมากกว่าตัวเกมในภาคแรกเสียอีก ตัวเกมมีแมปที่ค่อนข้างจะผ่านไปได้ยากอยู่หลายส่วน และต้องใช้ความแม่นยำอย่างสูง แต่ตัวเกมก็มีจุดเช็คพอยต์ที่มากขึ้น ซึ่งช่วยทำให้ระดับความยากง่ายของตัวเกมอยู่ในระดับที่สมดุลพอดี นอกจากนี้ตัวเกมยังได้ยกระดับด้านอารมณ์ของตัวเกมให้กว้าง และลึกซึ้งมากขึ้นกว่าเดิม

เรื่องราวใน Will of the Wisps ค่อนข้างจะมืดมาก แม้แต่ช่วงที่ประทับใจ ตัวเกมก็ยังคงให้ความรู้สึกที่หวานอมขมกลืนอยู่ดี ศัตรูในภาคนี้คือ Shriek นกฮูกที่คล้ายกับ Kuro ในภาคแรก ซึ่งเกิดโศกนาฏกรรมในอดีต อย่างไรก็ตามตัวเกมแม้จบลงแล้วก็ยังคงแต่มแต้มด้วยความเศร้าที่เงียบเชียบอยู่ดี Ori and the Will of the Wisps ยังคงเป็นเกมที่ยอดเยี่ยม ตัวเกมโดดเด่นทั้งด้านการออกแบบอย่างมีศิลปะ และช่วงเวลาที่สวยงาม