- แพลตฟอร์ม : Switch
- คะแนน : 7/10 (Good)
Warface เป็นอีกหนึ่งเกม Shooting ที่เรียบง่าย ตัวเกมเปิดตัวครั้งแรกบน PC และเมื่อปีที่แล้วยังได้เปิดตัวบน PS4 กับ Xbox One ตอนนี้ตัวเกมได้ลงให้กับแพลตฟอร์ม Nintendo Switch แล้ว ซึ่งมันได้เป็นอีกเกม ที่เราจำเป็นต้องเสียเวลาในการเล่นมันหลายชั่วโมง Allods ผู้พัฒนาชาวรัสเซียรู้ดีว่า ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อพิสูจน์ความมีตัวตนของตัวเกม ความจริงที่ว่าตัวเกมถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้ CryEngine และสามารถรันบน Switch ได้ มันถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับผู้ที่ใส่ใจในรายละเอียด เช่น การที่ตัวเกมทำการรันได้ที่ 30fps/ 720p มันมีความเสถียรในโหมดทีวี และ 540p ในโหมด Handheld ซึ่งถ้าเทียบกับ Battlefield V (เวอร์ชั่น PC หรือคอนโซลของ Warface) เราจะรู้สึกช้ากว่าในตอนแรก แต่ถ้าเทียบกับ Call of Duty Mobile เราจะรู้เลยว่าตัวเกมยังมีความสนุกมากมายอยู่ แม้ตัวเกมจะถูกรันที่ 30 เฟรมต่อวินาทีก็ตาม
นี่เป็นเกมที่เน้นการเล่นแบบผู้เล่นหลายคนเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยโหมดอย่าง PvP และ PvE โดยในด้าน PvP จะประกอบไปด้วยทั้งหมด 5 โหมด คือ TDM (Team Deathmatch), FFA (Free For All), Plant The Bomb, Storm & Blitz และโหมดเนื้อเรื่องที่กำลังจะเพิ่มเข้ามาในภายหลัง ซึ่งเกม Warface ก็เป็นเช่นเดียวกับเกมอย่าง Paladins และ Fortnite ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาเกมได้นำมาลงบนแพลตฟอร์ม Switch และสามารถเล่นร่วมกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ เพื่อให้การอัปเดตเนื้อหาใหม่ทำได้ไปพร้อมๆ กัน ตัวเกมยังมีการพูดถึงฟังก์ชั่น Cross-Play ที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่ในขณะนี้เซิร์ฟเวอร์ของตัวเกมมีไว้สำหรับผู้เล่นบน Switch เท่านั้น แต่ด้วยการสร้างชุมชนที่ดี ทำให้ตัวเกมพิสูจน์แล้วว่า ตัวเกมได้รับความนิยมใน eShop เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ตัวเกมยังมีโหมด PvE ซึ่งสามารถเล่นร่วมกับผู้เล่นคนอื่นๆ ได้ โดยตัวโหมดยังมีด่านหลายๆ แบบ เช่น การปะทะกับซอมบี้บนถนน Chernobyl และกองทัพหุ่นยนต์ที่ไม่รู้จบบนเนินทรายสีแดงของดาวอังคาร จริงๆ โหมดซอมบี้นั้นเทียบเท่าได้กับเกมอย่าง Call of Duty Mobile เลย ซึ่งการที่่ตัวเกมได้ทำการซัพพอร์ต Voice Chat ทำให้ตัวเกมกลายเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่น่าจดจำมากๆ แน่นอนว่าประโยชน์ของการเป็นเกมที่มีอายุมามากกว่า 7 ปี นั่นคือตัวมีคอนเท้นต์ต่างๆ มากมาย ดังนั้นหากคุณเพิ่งเริ่มเคยเล่นเกมเกมนี้ คุณจะสามารถเข้าถึงแมปได้มากกว่า 50 แมป ตัวเกมเต็มไปด้วยผู้เล่นจำนวนมาก การอัพเดต และสกินของอาวุธ แมปบางแมปอาจจะดีกว่าแมปอื่นๆ และผู้เล่นหลายคนมักจะชอบแมปที่มีจุดสำหรับสไนเปอร์ไว้คอยเปิดช่องให้ผู้เล่นอื่นเข้าไป
Hitbox มีความแม่นยำอย่างน่าประหลาดใจ (โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับ Modern Combat: Blackout) ADS สามารถทำได้เร็วกว่าเล็กน้อย แต่ Headshots ค่อนข้างอยู่ในระดับปืนไรเฟิลมาตรฐาน เราจะพบว่า TTK (เวลาฆ่า) จะสูงเกินไปเล็กน้อย นั้นหมายความว่าการยิงค่อยข้างใช้เวลามาก จุดเกิดนั้นไม่ได้วนเป็นวงกลม ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะหาจุดที่ดี และทำให้ความเร็วในการตอบสนองช่วยให้เราเล่นเกมได้อย่างรวดเร็ว คลาส SED ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ ยังมีความ OP เล็กน้อย ซึ่งทำให้มันเป็นสุดยอดรถถังในตอนนี้
โดยในขณะที่ Warface สามารถรันได้ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ทั้งในโหมด TV และ Handheld ตัว CryEngine สามารถรองรับได้ในเวอร์ชั่นนี้เพื่อให้เหมาะกับ Switch แมปส่วนใหญ่จะมืดหรือมีแสงอ่อน ๆ ซึ่งทำให้มันสวยมาก
นี่เป็นประสบการณ์ F2P ที่มีประโยชน์ อาวุธที่เราเลือกมีจำกัดมาก ใน 5 คลาส มีเพียงอาวุธหลักหนึ่งชิ้น และอาวุธรองหนึ่งชิ้นให้เลือกเป็นมาตรฐาน การอัพเลเวล และการทำสิ่งท้าทายจะช่วยให้เราเข้าถึง Boomsticks ใหม่ได้ แต่มันมีเวลาจำกัด และจะหายไปจากสินค้าคงคลังของเรา เช่นเดียวกับ Cosmetic Items และ Skins ซึ่งเราสามารถปลดล็อกไอเทมแบบถาวรได้ ในเกมมีเงินอยู่ทั้งหมด 3 สกุล Crowns ที่ได้รับจากการเล่นแบบ Co-op Play และ Challenges, Warface Dollars ที่ได้รับจากการเล่นในเกม และ Kredits ที่ได้รับจากเงินจริง