ซีรีย์ Final Fantasy เป็นหนึ่งในซีรีย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก มันเต็มไปด้วยไอเดียดีๆ มากมาย และภาค 12 นี้เองก็เป็นหนึ่งในภาคที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบการเล่นครั้งใหญ่ที่สุด จนสร้างความแตกต่างจากเกมในซีรีย์เดียวกันอย่างชัดเจน จนใครหลายๆ คนยังแปลกใจว่านี่ใช่เกมเดียวกับซีรีย์ที่ตัวเองเล่นรึเปล่า แน่นอนว่ามันเจ๋งพอที่จะใช้ชื่อ Final Fantasy และมันยังเป็นเกม RPG สุดยอดเยี่ยมที่เต็มไปด้วยระบบการล่ามอนสเตอร์สุดสนุก การสำรวจโลกอันกว้างไกลและอิสระ ซึ่งส่งผลให้เกิดการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวละครได้มีสีสันมากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามหากใช้ชื่อ Final Fantasy ตัวเกมย่อมไม่ทิ้งระบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองอย่างระบบอัญเชิญ การขี่นก chocobos และชื่อตัวละคร Cid ที่จะพาคุณเดินทางในเรื่องราวสุดมหากาพย์อีกบทหนึ่งของตัวซีรีย์ และสำหรับ Final Fantasy 12: The Zodiac Age ถือเป็นเกม remaster ที่ทำการพัฒนาและปรับแต่งมาได้ระยะเวลาหนึ่ง ทำให้ตอนที่ตัวเกมปล่อยตัวออกมา มันจึงออกมาด้วยสภาพที่มั่นคง มีการแก้ปัญหาเก่า และการเปลี่ยนแปลงที่ดี จนทำให้เรารู้สึกว่านี่ไม่ใช่เกม Final Fantasy 12 ที่เราเคยเล่นไปก่อนหน้านี้แต่อย่างใด แม้มันจะเป็นเส้นทางจาก The Phon Coast ไปยัง The Tomb of Raithwall เหมือนเดิมก็ตาม
สำหรับใครที่คุ้นชินกับ Final Fantasy 12 ของเวอร์ชั่น PS2 คงต้องบอกไว้ก่อนว่าเวอร์ชั่น The Zodiac Age มันไม่ใช่แค่การ remaster แต่มันคือการ remix เพราะถ้าหากคุณมองไปที่ตัวเกมดีๆ คุณจะเห็นถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ของมอนสเตอร์ หรือรายการสินค้าในร้านค้า และที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดก็คือ character-enhancing License Board ที่ถูกปรับใหม่เพื่อให้สายอาชีพภายในเกมมีความโดดเด่น และความสามารถในหน้าที่ต่างๆ ดูแต่งต่างกันอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเสียงพากย์ญี่ปุ่น และการโหลดภายในเกมที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โดยคุณสามารถตั้งค่าได้ว่าจะใช้เสียงญี่ปุ่นต้นฉบับ หรือหรือจะเป็นเสียงรูปแบบเดิมได้ และในฐานะที่ตัวเกมเป็นเกมเฉพาะของแพลตฟอร์ม PlayStation 4 มันจึงเป็นเกมที่พิถีพิถันเป็นอย่างมาก แม้มันจะประกาศว่าเป็นการ remaster ตัวเกมก็ตาม
แม้ว่าเมืองท่าในเกมจะไม่ถูกแตะต้องหรือเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ไปเลย แต่ Final Fantasy 12 ก็ยังโดดเด่นในด้านการจัดองค์ประกอบที่ดูเป็นธรรมชาติ เช่น มีสังคมที่เจริญรุ่งเรืองอยู่รอบ ๆ การล่าสัตว์ หรือเศรษฐกิจกิ๊กที่เกิดจากการล่าสัตว์อสูรของนักสู้หลายเชื้อชาติมากที่สุดในโลกของเกม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการละเล่นที่เราทำเป็นหลัก เพราะมันสามารถมอบของรางวัลดีๆ เงินจำนวนมาก และยังผสานเป็นบทเรื่องราวในโลกของเกม Final Fantasy 12 อีกด้วย และถ้าเป็นที่จดจำที่สุดก็คงเป็นภารกิจขโมย ซึ่งเป็นเรื่องราวของตัวละครหลักอย่าง Vaan ซึ่งแน่นอนคุณเล่นเกมนี้ไปได้ไม่ไกลแน่ๆ หากคุณใช้เพียงเงินจากมอนสเตอร์และหีบสมบัติที่พบเจอ เพราะความร่ำรวยที่รวดเร็วจะเกิดจากการขโมย เหมือนกับ Zidane ใน Final Fantasy 9 สกิลขโมยของ Vaan ช่วยให้ผู้เล่นก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว แต่เชื่อเถอะมันเป็นสกิลที่เหล่าผู้เล่นหลายๆ คนมองข้ามมันไปกันหมด
ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งของ Final Fantasy 12 คือการใช้จักรวาล Ivalice ซึ่งเป็นจักรวาลแยกย่อยจากจักรวาลหลักของตัวซีรีย์ ซึ่งถ้าหากใครเป็นแฟนตัวยงของจักรวาล Ivalice จะรู้อยู่แล้วว่าในจักรวาลนี้จะประกอบไปด้วยเกม Vagrant Story และ Final Fantasy Tactics ที่ใช้จักรวาลเดียวกันอยู่ มันจึงทำให้ภาคนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวเบื้องหลังต่างๆ มากมาย ที่สามารถนำชื่อสถานที่ และรายละเอียดต่างๆ ไปเช็คจากเกมในจักรวาลเดียวกันได้ ซึ่งมันง่ายขึ้นมากสำหรับการจัดการตำนานภายในเกม (ก็ทำเสร็จแล้วในตัวเกมก่อนหน้านี้นี่นา) แต่สิ่งที่คุณต้องรู้ในตอนเริ่มเล่นเกมนี้ก็คือ 2 อาณาจักรเล็กๆ Dalmasca และ Nabradia ถูกกลืนกินโดย 2 จักรวรรดิที่มีกำลังรบขนาดใหญ่ Rozarria และ Archadia และแน่นอนว่ามันส่งผลกระทบกับตัวละครมากมายในโลกใบนี้่ โดย 6 ตัวละครหลักที่เราจะได้ควบคุม ล้วนมีภูมิหลังมาไม่เหมือนกัน การนำมารวมกันคือการขยายขอบเขตในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในทวีปทั้งหมดของโลกใบนี้
สิ่งที่ทำให้ตัวเกมมีความยาวในการเล่นมากขึ้นก็คือ ช่วงกลางของเกมที่เปิดให้ผู้เล่นสามารถบังคับตัวละครของตนเองไปมาได้อย่างอิสระ ซึ่งมีเนื้อหาที่ค่อนข้างเทียบกับ Star Wars: A New Hope ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะเรื่องราวและตัวละครในเกมมีความสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน มันจึงทำให้เกิดเคมี และความขัดแย้งขึ้น จนสามารถแผ่ขยายเรื่องราวต่างๆ ออกไปและกลายเรื่องราวที่น่าสนใจมากกว่าเดิม
The Zodiac Age ทำให้ระบบการต่อสู้มีการใช้กลเม็ดที่เพิ่มขึ้น ด้วยการจัดชุดคำสั่งใหม่สำหรับใช้งานในแต่ละตัวละคร รวมไปถึงการปราบศัตรูแบบกึ่งอัตโนมัติที่จะมีการกดปุ่มบางอย่างในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น อินเตอร์เฟสของตัวเกมมีการปรับแต่งให้สามารถใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และให้ความรู้สึกเหมือนกับ Fisher-Price ซึ่งตัวละครแต่ละตัวได้ถูกกำหนดเป้าหมายเฉพาะเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น พันธมิตร, พวกตัวเอง, หรือมีศัตรูคนเดียวกัน
ทั้งนี้ Final Fantasy 12: The Zodiac Age แม้จะมีการปรับปรุงหลายๆ อย่าง แต่ก็ใช่ว่าเกมเกมนี้จะเป็นเกมใหม่แต่อย่างใด แต่ด้วยฟีเจอร์ใหม่นี้จะทำให้คุณไม่เบื่อ และอยู่กับมันได้นานยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะบทเนื้อเรื่องมากมาย หรือช่วงทดสอบระบบ Gambit System และคงต้องขอขอบคุณออปชั่นการปรับเกี่ยวกับเสียง และวามเร็วใหม่ ที่ทำให้ The Zodiac Age กลายเป็นเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์ของ Final Fantasy 12