รีวิว Pokemon Sword & Shield

Pokemon ภาคใหม่ล้วนมีพร้อมทั้งมอนสเตอร์ชุดใหม่ กลไกการเล่นใหม่ และภูมิภาคใหม่ให้เราได้ออกสำรวจ ซึ่งในภาค Sword และ Shield นั้นก็ไม่แตกต่างกันเลย ในเกมภาคนี้จะมาพร้อมกับภูมิภาค Galar ภูมิภาคที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา การสำรวจที่ลึกลับซับซ้อน แรงจูงใจแห่งการต่อสู้ การต่อสู้ที่แสนยิ่งใหญ่ รวมไปถึงสูตรการต่อสู้แบบยิมในแบบที่เราคุ้นเคย เพื่อนำเสนอการผจญภัยที่น่าสนใจตั้งแต่ต้นจนจบ แต่สิ่งที่น่าสนใจของภาค Sword และ Shield นั่นก็คือตัวเกมภาคนี้ได้ทำการลดองค์ประกอบที่น่าเบื่อหลายๆ อย่างออกไป และขยายให้โดดเด่นกว่าเก่า นั่นคือเกม Pokemon ที่สมดุลที่สุดในยุคนี้ และดีที่สุดในรอบปีนี้แล้ว

เกมดังกล่าวไม่ทำให้เราเสียเวลาเริ่มต้นมากนัก เกมในภาคนี้เปิดมาแทบจะให้เราครอบครองโปเกมอนตามที่ต้องการได้ในทันที โดยในเกมภาคใหม่นี้จะมาพร้อมกับ Wild Area พื้นที่เปิดกว้าง ที่ซึ่งเต็มไปด้วยโปเกมอนทุกประเภท ที่เราใช้เวลาเพียงไม่นาน ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงที่แห่งนี้ได้แล้ว ที่ Wild Area จะมีภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ภูมิอากาศเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และโปเกมอนก็จะออกมาตามความสัมพันธุ์ด้านภูมิประเทศ และภูมิอากาศนั้นๆ ในภาคนี้เราจะได้เห็นโปเกมอนตัวเป็นๆ เดินไปเดินมาให้เราวิ่งเข้าไปจับ นั่นทำให้เรามีโปเกมอนเกือบทั้งหมดแต่แรกในทันที แต่ท้ายที่สุด ตัวเกมก็ยังคงเต็มไปด้วยสิ่งใหม่ๆ ให้เราได้ค้นหาอยู่ดี

ทั้งใน Wild Area และภายนอกในภูมิภาค Galar นั้นเป็นที่ที่งดงามมากๆ ภูมิภาคนี้ตั้งอยู่ในศูนย์กลางเมืองอุตสาหกรรม ซึ่งแวดล้อมไปด้วยเนินเขา ป่า และต้นไม้ใบหญ้าจำนวนมาก ซึ่งเป็นเกม Pokemon ภาคแรกเลยก็ว่าได้ ที่นำเสนอฉากสภาพแวดล้อมออกมาได้งดงามสูงสุด ในเกมมีทั้งปราสาททรงยุคกลาง สนามกีฬา ที่คล้ายๆ สนามฟุตบอล วงพังก์ และอะไรอีกหลายๆ อย่าง ซึ่งถึงแม้จะอยู่คนละธีมกัน แต่ก็เป็นเนื้อเดียวกันอย่างน่าสนใจ และนั่นทำให้เราอยากเดินทางไปยังเมืองใหม่ๆ เพราะต้องการพบเจอสิ่งที่แตกต่างจากเดิม ทั้งชุด เสื้อผ้า และอุปกรณ์เสริมใหม่ๆ ต่างๆ

Pokemon Sword & Shield เป็นภาคที่ให้อิสระในการออกสำรวจสิ่งต่างๆ มากกว่า Pokemon ภาคอื่นๆ และมีการใช้ระบบ HMs รูปแบบใหม่ที่ดีกว่าภาค Sun และ Moon เราสามารถไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นเกม อีกทั้งมีจักรยานสะเทือนน้ำ สะเทือนบก ไม่มีต้นไม้ให้เราต้องตัด หรือดันหินอีกต่อไป มีเพียงเทรนเนอร์ท้าสู้อยู่บางตำแหน่ง หรือบางจุดเท่านั้น ไม่มีการพบเจอโปเกมอนป่าแบบสุ่มอีก แต่จะเห็น Pokemon เป็นตัวๆ และเดินไปเดินมา ซึ่งช่วยให้เราแยกแยะพื้นที่หนึ่ง ไปยังอีกพื้นที่หนึ่งได้ ทั้งนี้จะมีโปเกมอนบางตัวที่จะซ่อนตัวอยู่ตามหญ้า และแทนด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์ อย่างไรก็ตาม การไม่พบเจอโปเกมอนแบบสุ่ม ช่วยลดความน่ารำคาญของเราไปอย่างหมดสิ้น (เดิน หรือหลบโปเกมอนที่ไม่อยากเจอได้)

ในการต่อสู้กับโปเกมอนป่า จะใช้การต่อสู้ในรูปแบบเดิมๆ แต่ในการต่อสู้ที่สำคัญๆ Sword & Shield จะเปลี่ยนจากฟีเจอร์ Mega Evolution และ Z-moves ให้กลายเป็น Dynamaxed ซึ่งเป็นเหมือนการนำระบบทั้ง 2 ระบบเข้ามาผสมรวมกัน Dynamaxed จะเป็นการขยายร่างตัวโปเกมอนให้ขยายใหญ่ขึ้น และปรับเปลี่ยนความสามารถ รวมถึงพลังให้แข็งแกร่งโดยรวมขึ้นทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นระบบการเล่นที่ง่ายกว่าทั้ง Mega Evolution หรือ Z-moves เพราะการ Dynamaxed สามารถใช้ได้กับโปเกมอนทุกตัว รวมไปถึงยังเสริมท่าพิเศษให้อีกด้วย ดังนั้นการ Dynamaxed จึงใช้งานง่าย และยืดหยุ่นกว่า Mega Evolution และ Z-moves นั่นเอง

Dynamaxed มาพร้อมกับสิ่งที่เรียกว่า Max Raids ซึ่งเป็นอุปกรณ์ติดตั้งพิเศษใน Wild Area ที่จะทำให้เราได้ปะทะกับโปเกมอนรูปแบบ Dynamaxed ระบบนี้สามารถเรียกอีกอย่างว่า Raid Pokemon ก็ได้ ซึ่งมันรวมทั้งโปเกมอนที่หาได้ยาก รวมไปถึงที่หาได้ง่ายไว้รวมกัน โดยแม้ว่าจะจับโปเกมอนไม่ได้ เราก็จะยังได้รับไอเทมที่สำคัญ และหายากมากมาย นอกจากนี้โปเกมอนที่ได้จากการ Max Raids ยังมีค่าสเตตัสที่สมบูรณ์ แม้จะเป็นโปเกมอนที่ซ้ำกันก็ตาม โดยในระดับเลเวลต่ำๆ การต่อสู้นั้นจะค่อนข้างง่าย แม้จะใช้ NPC ช่วยสู้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด แต่ใน Max Raids ระดับ 4 หรือ 5 ดาว นั้นจะยากมาก และทำสำเร็จได้ไม่ง่าย หากไม่มีผู้เล่นคนอื่นๆ ช่วยเหลือ แต่จะถือเป็นระดับที่ยากช่วงท้ายๆ เกมเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตัวเกมมีระบบออนไลน์ ที่รองรับการเล่นในรูปแบบนี้ไว้อย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว และถือเป็นระบบหนึ่งที่เราจะสามารถสนุกร่วมไปกับเพื่อนๆ ได้

โปเกมอนตัวใหม่ๆ ในภาคนี้ ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ และสามารถสร้่างแรงบันดาลใจให้กับกลยุทธ์ที่น่าสนใจขึ้นมาได้ ซึ่งการมาของ Gen 8 เป็นอะไรที่จะประทับใจเราไปได้ตลอดทั้งเกม น่าเสียดายที่โปเกมอนเริ่มต้นทั้ง 3 ตน แม้จะน่ารักในช่วงต้น แต่ในตอนสุดท้ายพวกเขาวิวัฒนาการออกมาได้ไม่ดีนัก โดยอีกจุดเด่นหนึ่งของตัวเกมที่ยอดเยี่ยมนั่นก็คือระบบ Pokemon Box ที่รอบนี้ติดตัวเราไปในทุกที่ทุกทาง ทำให้เราสามารถลองโปเกมอนใหม่ๆ ได้อยู่เสมอๆ อีกทั้ง Pokedex ในภาค Sword & Shield จะผสมทั้งโปเกมอนใหม่ๆ และเก่าๆ มากมาย Sword and Shield อาจไม่มีโปเกมอนทุกตัว แต่สิ่งที่มีคือบาลานซ์ และความประณีตในการต่อสู้ ความน่ารัก และประเภท

Pokemon Sword & Shield มีทั้งความหลากหลาย และความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ นั่นทำให้การฝึกโปเกมอนของเราค่อนข้างสนุก โดยเฉพาะการแชร์ค่าประสบการณ์ ที่ทำให้การเก็บเลเวลของโปเกมอนของเราเป็นไปอย่างพอดิบพอดี โดยแม้ว่าเราจะเล่นตัวเกมมานานขนาดไหน แต่เราก็จะยังไม่รู้ว่าโปเกมอนบางตัว เราจะหาได้จากไหน ซึ่งความลับของ Wild Area จะค่อยๆ เปิดเผยออกมาเรื่อยๆ และนั่นทำให้เราติดอยู่ในพื้นที่นี้นานกว่าออกไปเล่นตามเรื่องราว เพราะ Wild Area เต็มไปด้วยหลายสิ่งหลายอย่างน่าค้นหา หรือสำรวจ ใน Wild Area นอกจากการต่อสู้ และจับโปเกมอนแล้ว เรายังสามารถตั้งแคมป์ พร้อมทำแกงกะหรี่ให้กับโปเกมอนของเราได้อีกด้วย ทั้งนี้การทำแกงกะหรี่ และเล่นกับโปเกมอน ถือเป็นการพักผ่อนเบาๆ หลังการสำรวจ และยังเป็นวิธีที่ดี สำหรับการรักษาโปเกมอนของเราทั้งหมดอีกด้วย

ส่วนเรื่องระบบ Gyms ตัวเกมในภาคนี้ได้ทำการปรับแต่งการเล่นให้มีปริศนาเล็กๆ น้อย และเขาวงกตขนาดสั้นให้เราได้เล่น ก่อนไปปะทะดับหัวหน้ายิม ของแต่ละยิม และแน่นอนว่ามีเทรนเนอร์ประจำยิม รอเราอยู่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การต่อสูกับหัวหน้ายิมจะมาพร้อมกับกลไกการเล่นแบบ Dynamaxed ผสานร่วมไปกับการนำเสนอตัวละครออกมาในสไตล์อนิเมะ ก่อเกิดเป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นมากกว่าการต่อสู้ในครั้งไหนๆ โดยการต่อสู้ในยิม ในช่วงต้นๆ นั้นจะค่อนข้างง่าย แต่ในภายหลังจะใช้ความคิดที่มากยิ่งขึ้น

ใน Pokemon Sword & Shield ได้มีการปรับคุณสมบัติเกี่ยวกับตัวโปเกมอนใหม่ใหม่ ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญ ที่เราจำเป็นต้องศึกษา หากจะเริ่มเข้าสู่ศึก Battle กับผู้เล่นด้วยกันเอง นอกจากนี้ตัวเกมยังได้ทำการปรับระบบการเพาะพันธุ์ใหม่ ให้ไม่น่าเบื่อ และการตั้งค่าก็ค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ต้องเตรียมอะไรยากเหมือนแต่ก่อน เรายังสามารถถ่ายทอด Egg Moves ไปยังรุ่นลูกต่อได้อีกด้วย นอกจากนี้ช่วงท้ายเกมยังมี Battle Tower ซึ่งมีระบบให้เราสามารถเช่าทีมมาใช้งานได้ นั่นหมายความว่า เราสามารถเริ่มไต่อันดับได้ โดยไม่ต้องรีบปั้นทีมแต่อย่างใด ด้วยสิ่งเหล่านี้จะพาเราไปสู่การแข่งขันกับผู้เล่นด้วยกันเร็วขึ้นกว่าเดิม